ปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 คืออะไร
ปุ๋ย 46-0-0 หรือ ปุ๋ยยูเรีย คือ แม่ปุ๋ยเคมี ที่มีความเข้มข้นของไนโตรเจน (N) สูงที่สุดในบรรดาปุ๋ยทั้งหมด อยู่ที่ 46% ปุ๋ยยูเรียจึงนิยมมากในการนำมาใช้เพื่อการเร่งต้น เร่งใบ เร่งการเจริญเติบโตของลำต้นพืช ช่วยเพิ่มการแตกกอในพืชไร่ และ ช่วยทำให้พืชใบเขียว ปุ๋ยยูเรีย มีจุดเด่นคือมีธาตุอาหารไนโตรเจนที่สูง และ มีคุณสมบัติละลายน้ำได้อย่างรวดเร็ว ทำให้พืชที่ได้รับปุ๋ยยูเรีย มักจะตอบสนองได้ทันที ทำให้ใบเขียว และ ลำต้นเติบโตเร็ว อย่างเห็นได้ชัด
ข้อด้อยของปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 คือมีคุณสมบัติในการ ละลาย ระเหิด และ ระเหย ที่สูงและรวดเร็ว ทำให้เกิดการสูญเสียได้ง่ายหากใช้งานอย่างผิดวิธี หรือ ใช้ในปริมาณที่มากเกินไป ต่อ การใช้ 1 ครั้ง ซึ่งจะส่งผลให้พืชไม่สามารถกินธาตุอาหารได้ทัน และ เกิดเป็นความสูญเสียไปในดิน และ ในอากาศ เกิดเป็นต้นทุนที่เสียไปโดยไม่จำเป็น และ ไม่ทำให้ต้นพืชเจริญเติบโตได้ตามที่ต้องการ
สารบัญ
- ปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 ช่วยเร่งอะไร
- วิธีใช้ปุ๋ยยูเรีย 46-0-0
- ปุ๋ยยุเรีย 46-0-0 ใส่ทุเรียน
- ปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 ใส่นาข้าว
- ปุ๋ยยูเรียสูตร 46-0-0 มีธาตุอาหารชนิดใดบ้าง
- ปุ๋ยยุเรีย 46-0-0 ผลิตจากอะไร?
ปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 ราคาเท่าไหร่?
สอบถามราคา หรือ ข้อมูลการใช้งาน ปุ๋ยยุเรีย 46-0-0 เพิ่มเติมได้ที่:
ปุ๋ยยูเรียสูตร 46-0-0 ช่วยอะไร เร่งอะไร
ปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 ใช้เพื่อเร่งต้น เร่งใบ โดยช่วยเพิ่มธาตุอาหารไนโตรเจน (N) ให้พืช ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของคลอโรฟิลล์ ที่ทำให้พืชใบเขียว ทำให้พืชสามารถสังเคราะห์แสง และ สร้างอาหารได้อย่างเต็มที่ นอกจากนั้นยังเป็นส่วนสำคัญที่พืชใช้ในการสร้างโปรตีน และ เอนไซม์ต่างๆ ที่ช่วยในการเจริญเติบโตของต้นพืช การใช้งานปุ๋ยยูเรียจึงเหมือนเป็นการเพิ่มพลังให้แก่ต้นพืช ทำให้พืชใบเขียว เพิ่มการแตกใบ แตกกอได้มาก และ ทำให้ลำต้นเจริญเติบโตได้รวดเร็ว
โดยข้อควรระวังในการใช้ปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 คือ การใช้งานที่มากเกินไป ต่อการใช้ 1 ครั้ง เนื่องจากปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 สามารถระเหยได้เร็วจึงอาจทำให้เกิดความสูญเสียเนื่องจากการระเหยของปุ๋ยได้ หากใช้มากเกินไปและพืชไม่สามารถกินได้ทัน ทำให้เกิดเป็นต้นทุนที่เกินความจำเป็น และทำให้ต้นพืชไม่เจริญเติบโตตามที่ต้องการ
อีกหนึ่งสิ่งที่ควรระมัดระวัง คือความเชื่อที่ว่าปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 สามารถใช้ในการบำรุงผลผลิตของพืชได้ ซึ่งจริงๆแล้วเป็นความเชื่อที่ไม่ได้ถูกต้องเสียทีเดียว เนื่องจากปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 มีเพียงธาตุอาหารไนโตรเจน (N) เพียงธาตุเดียว ซึ่งมีบทบาทหลักเพื่อช่วยการเจริญเติบโตที่ใบ และ ลำต้น มากกว่าการช่วยบำรุงผลผลิต
หากเกษตรกรต้องการบำรุงพืชให้ได้ผลผลิตที่ดีนั้น เกษตรกรจำเป็นจะต้องบำรุงพืชด้วยปุ๋ย และ ธาตุอาหารที่ครบถ้วน ทั้งธาตุอาหารหลัก และ ธาตุอาหารรอง เพื่อให้พืชสามารถเจริญเติบโตได้เต็มที่ โดยธาตุอาหารหลักที่มีส่วนโดยตรงในการ สร้างเนื้อ ขยายผล เพิ่มน้ำหนัก เพิ่มน้ำตาล และ เพิ่มปริมาณผลผลิตนั้น คือธาตุอาหารโพแทสเซียม (K)
- 5 สูตรปุ๋ย เร่งใบ เร่งต้น ใบเขียว ต้นโตเร็ว สมบูรณ์แข็งแรง
- 27-5-5 แนนซี่ สูตรเด็ด เร่งต้น เร่งใบ เพิ่มการแตกกอ
- ข้อมูลเพิ่มเติม ปุ๋ยโพแทสเซียม 0-0-60
ปุ๋ยยูเรียสูตร 46-0-0 ใส่ตอนไหน
ปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 นิยมใส่ในช่วงแรกของการเจริญเติบโต เพราะปริมาณไนโตรเจน (N) ที่สูง จะทำให้การเจริญเติบโตของใบ และ ลำต้น เป็นไปได้อย่างรวดเร็ว โดยเกษตรกรควรแบ่งใส่ปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 เป็นจำนวนหลายครั้ง มากกว่าการใส่ในครั้งเดียว เนื่องจากปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 มีคุณสมบัติที่ระเหยได้อย่างรวดเร็ว หากใส่ปริมาณมากเกินไปพืชก็จะไม่สามารถกินได้ทัน และ เกิดเป็นการสูญเสีย
นอกจากนี้ปุ๋ยยูเรียยังสามารถใส่ในช่วงอื่นๆของพืชได้ เพื่อบำรุงต้น และ บำรุงใบ แต่พืชหลังจากที่เจริญเติบโตผ่านช่วงแรกมากแล้วก็มักจะมีความต้องการธาตุอาหารไนโตรเจน (N) ที่ลดลง เปลี่ยนไปเป็นความต้องการธาตุอาหารอื่นๆที่ต้องการอย่างครบถ้วนเพื่อให้เจริญเติบโตได้อย่างแข็งแรง และเพิ่มความต้องการปุ๋ยโพแทสเซียม (K) ซึ่งมีส่วนช่วยในการเพื่อบำรุงผลผลิต สร้างเนื้อ เพิ่มขนาด เพิ่มน้ำหนัก เพิ่มแป้ง เพิ่มน้ำตาล ในผลผลิตของพืชส่วนมาก
ปุ๋ยยูเรียสูตร 46-0-0 วิธีใช้
เกษตรกรควรใช้ปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 ร่วมกับปุ๋ยสูตรอื่นๆ หรือ ใช้ในรูปแบบของปุ๋ยเชิงผสม (Bulk Blending Fertilizer) เพื่อให้พืชได้รับธาตุอาหารที่หลากหลาย และ ครบถ้วนทั้งหมดตามความต้องการของพืช เนื่องจากการใช้ปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 เพียงอย่างเดียว จะทำให้พืชได้รับเพียงธาตุอาหารไนโตรจน (N) เพียงธาตุเดียว ซึ่งไม่เพียงพอที่จะทำให้พืชเจริญเติบโตได้อย่างแข็งแรง และ สามารถให้ผลผลิตที่ดีได้
แม้ว่าการใช้ปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 เพียงอย่างเดียว อาจจะสามารถทำให้เห็นผลลัพธ์ในระยะสั้น คือ พืชใบเขียว และ เจริญเติบโตได้รวดเร็ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือพืชก็จำเป็นจะต้องหาอาหารธาตุอาหารอื่นๆที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตเพิ่มจากในดิน ซึ่งหากเกษตรกรใช้เพียงปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 อย่างเดียวในระยะยาวต่อเนื่อง ก็จะส่งผลให้ธาตุอาหารที่คงค้างอยู่ในดินค่อยๆหมดไป และ สุดท้าย ทำให้พืขไม่สามารถเติบโตได้เต็มที่ และ ทำให้ผลผลิตค่อยๆลดลงไปเมื่อเวลาผ่านไปนาน
อีกทางเลือกที่ดีที่เกษตรสามารถใช้ทดแทนปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 ได้นั้น ก็คือปุ๋ยสูตร 30-0-0 ซึ่งมีส่วนผสมของทั้งยูเรีย 46-0-0 และ แอมโมเนียมซัลเฟต 21-0-0 และ ธาตุอาหารรองเสริม
ซึ่งปุ๋ยสูตร 30-0-0 นั้น เป็นการรวมจุดเด่นของปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 เข้ากับปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต 21-0-0 ด้วยคุณสมบัติของปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 ที่สามารถละลายได้อย่างรวดเร็ว ก็จะทำให้พืชได้รับธาตุอาหารไนโตรเจน (N) ทันทีหลังจากที่ใส่ ทำให้ต้นพืชเจริญเติบโตได้ดี ใบเขียว สังเคราะห์แสง และสร้างพลังงานได้อย่างรวดเร็ว
ประกอบกับคุณสมบัติของปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต 21-0-0 ซึ่งละลายได้ช้ากว่าปุ๋ยยูเรีย ก็จะทำให้พืชได้รับธาตุอาหารไนโตรเจน (N) ได้ยาวนาน และ ต่อเนื่อง มากขึ้น หลังจากที่ปุ๋ยยูเรียได้ละลายหมดไปแล้ว ซึ่งส่วนนี้เมื่อพืชได้รับธาตุอาหารอย่างต่อเนื่อง ก็จะทำให้พืชนอกจากเขียวอย่างรวดเร็วจากยูเรีย 46-0-0 แล้ว ก็ยังเขียวทน เขียวยาวนาน จากปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต 21-0-0 อีกด้วย
นอกจากนี้ ปุ๋ย 30-0-0 จาก YVP และ แนนซี่ ยังมีส่วนประกอบของธาตุอาหารรองเสริม ได้แก่ ซัลเฟอร์ (S) แคลเซียม (Ca) และ แมกนีเซียม (Mg) ซึ่งเป็นอีก 3 ธาตุอาหาร ที่มีความจำเป็นอย่างมากในการเจริญเติบโตของต้นพืช ทำให้พืชที่ใช้ปุ๋ยสูตร 30-0-0 นั้น เติบโต และ เขียวได้อย่างสมบูรณ์แข็งแรง ทนต่อโรค และ แมลง และ มีผลผลิตที่ดี
จึงสรุปได้ว่าปุ๋ย 30-0-0 นั้น จะมีธาตุอาหารรวมทั้งหมด 4 ธาตุด้วยกัน ได้แก่ ไนโตรเจน (N) ซัลเฟอร์ (S) แคลเซียม (Ca) และ แมกนีเซียม (Mg) และถึงแม้ว่าจะมีอัตราส่วนไนโตรเจน (N) ที่น้อยลงมาอยู่ที่ 30% แต่พืชจะสามารถกินไนโตรเจน (N) นี้ได้ยาวนาน และ ต่อเนื่องมากกว่า จากคุณสมบัติของปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต 21-0-0 ปุ๋ย 30-0-0 จึงเป็นอีกทางเลือกที่ตอบโจทย์สำหรับต้นพืชทุกๆชนิด มากกว่าการใช้งานปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 โดยตรงลงในพืช ซึ่งนอกจากจะทำให้พืชได้รับธาตุอาหารไนโตรเจน (N) เพียงธาตุเดียวแล้ว ยังมีโอกาสเกิดการสูญเสียได้มากอีกด้วย
ปุ๋ย 30-0-0 ทางเลือกทดแทนปุ๋ยยูเรีย 46-0-0
ปุ๋ยยูเรียสูตร 46-0-0 อันตรายไหม
ปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 สามารถใช้งานกับพืชทุกชนิดได้ได้โดยไม่มีอันตรายใดๆ แต่มีข้อควรระวังคือปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 สามารถระเหยได้อย่างรวดเร็ว หากใช้งานในปริมาณที่มากจนเกินไป จะทำให้ธาตุอาหารปริมาณมากระเหยไปก่อนที่พืชจะสามารถกินได้หมด ทำให้เกิดเป็นต้นทุนที่สูงเกินความจำเป็น และ ทำให้ผลผลิตที่ได้ไม่ตรงตามที่ต้องการ
ปุ๋ยยูเรียสูตร 46-0-0 ควรใส่ให้กับพืชชนิดใด ใส่อะไรได้บ้าง
ปุ๋ยยูเรียสามารถใช้ได้กับพืชทุกชนิด ทั้งนาข้าว พืชไร่ เช่น ข้าวโพด อ้อย มันสำปะหลัง หรือ พืชผักชนิดต่างๆ และ ทุเรียน ไม้ผล หรือ ไม้ยืนต้นทั้งหมด เช่น ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และ อื่นๆ เนื่องจากธาตุอาหารไนโตรเจน (N) เป็นธาตุอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืชทุกๆชนิด มีส่วนช่วยในการเร่งต้น เร่งใบ สร้างคลอโรฟิลล์ ทำให้ใบเขียว ลำต้นโตเร็วโดยปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 มักนิยมใช้มากในช่วงเริ่มปลูกเพื่อเร่งการเจริญเติบโตของลำต้นและใบของพืช
โดยข้อควรระวังในการใช้ปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 คือ เป็นปุ๋ยที่ระเหิด และ ระเหย ได้อย่างรวดเร็ว อาจเกิดการสูญเสียได้ง่ายหากใช้ในปริมาณมากจนเกินไปต่อครั้ง นอกจากนี้ ปุ๋ยสูตร 46-0-0 ยูเรีย ยังเป็นปุ๋ยที่มีธาตุอาหารไนโตรเจน (N) เพียงธาตุเดียว เกษตรกรจึงควรใช้ผสมกับปุ๋ยสูตรอื่นๆเพื่อให้พืชได้รับธาตุอาหารที่ครบถ้วน เหมาะสมต่อการเจริญเติบโต
ปุ๋ยสูตร 46-0-0 ยูเรีย ใส่ทุเรียน
ปุ๋ยยูเรียสูตร 46-0-0 สามารถใส่ได้ในต้นทุเรียน โดยเฉพาะต้นทุเรียนเล็ก ที่ต้องการเร่งต้น เร่งใบ เร่งการเจริญเติบโต แต่ในขณะเดียวกันเกษตรกรก็ควรใส่ปุ๋ยสูตรอื่นๆประกอบไปด้วย เช่น ฟอสฟอรัส (P) และ โพแทสเซียม (K) เพื่อให้ต้นทุเรียนได้รับธาตุอาหารที่ครบถ้วน สมบูรณ์ เพียงพอต่การเจริญเติบโต
อีกทางเลือกสำหรับการเร่งต้นทุเรียนเล็ก คือปุ๋ยสูตร 25-7-7 ซัลเฟตแท้ 100% จาก YVP และ แนนซี่
การใช้งาน ปุ๋ยซัลเฟตแท้ 100% ในทุเรียน และ พืชต่างๆ
ปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 ใส่ต้นไม้
ปุ๋ยยูเรีย นิยมใช้ในต้นไม้ และ พืชผักทุกชนิด โดยเฉพาะในช่วงแรกของการปลูก ซึ่งต้นไม้จะมีความต้องการธาตุอาหารไนโตรเจน (N) ที่สูง เพื่อที่จะใช้ในการสร้างใบ สร้างลำต้น และ การสังเคราะห์แสงเพื่อสร้างอาหาร
หลังจากที่เริ่มเข้าช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิต พืชก็จะยังคงต้องการธาตุอาหารไนโตรเจน (N) อยู่ แต่จะต้องการในปริมาณที่ลดลงมากกว่าช่วงแรก และ จะเริ่มมีความต้องการธาตุอาหารอื่นๆในอัตราส่วนที่เพิ่มมากขึ้น เช่น ปุ๋ยฟอสฟอรัส (P) ที่มีส่วนช่วยในการสร้างราก สร้างดอก หรือ ปุ๋ยโพแทสเซียม (K) ที่มีส่วนช่วยในการบำรุงผลผลิต สร้างเนื้อ ขยายขนาด สร้างน้ำตาล สร้างแป้ง เพิ่มน้ำหนักให้แก่ผลผลิต และ ธาตุอาหารรองเสริมอื่นๆอีกมากมาย ที่ล้วนมีผลต่อการเจริญเติบโตของพืชในระยะยาว เช่น ซัลเฟอร์ (S) แคลเซียม (Ca) แมกนีเซียม (Mg) และ อื่นๆ
เมื่อเปรียบเทียบกับคนซึ่งต้องการอาหาร 5 หมู่ พืชเองก็ต้องการธาตุอาหารที่ครบถ้วนในปริมาณที่เหมาะสม จึงจะสามารถเจริญเติบโตได้อย่างแข็งแรงเต็มที่
ปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 ใส่นาข้าว
ปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 เป็นปุ๋ยที่ได้รับความนิยมอย่างมากในนาข้าว เนื่องจากปริมาณธาตุอาหารไนโตรเจนที่สูง และ คุณสมบัติที่ละลายได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เกษตรกรสามารถเห็นผลลัพท์ของปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 ได้ทันทีหลังจากที่ใส่ลงไปในนาข้าว จะทำให้ต้นข้าวโตพุ่งขึ้นเร็ว ใบเขียวขึ้นอย่างชัดเจน ลำต้นตั้ง ดูสดชื่น เป็นปุ๋ยหลักที่ใช้ในการผลักดันการเจริญเติบโตของต้นข้าวก็ว่าได้
สิ่งที่ชาวนาควรระมัดระวัง คือการใช้ปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 ในปริมาณที่มากเกินความจำเป็นในนาข้าว เนื่องจากปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 มีธาตุอาหารไนโตรเจน (N) เพียงธาตุเดียว แต่ต้นข้าวที่จะเติบโตแข็งแรง และ ให้ผลผลิตที่ดีได้นั้น จำเป็นจะต้องได้รับธาตุอาหารหลัก และ ธาตุอาหารรองเสริม สูงถึง 13 ธาตุ โดยมี 6 ธาตุที่ต้นข้าวต้องการในปริมาณมาก ได้แก่:
- ไนโตรเจน (N): ปริมาณ 15 – 20 กก.ต่อไร่
- ฟอสฟอรัส (P): ปริมาณ 3 – 6 กก. ต่อไร
- โพแทสเซียม (K): ปริมาณ 20 – 23 กก. ต่อไร
- ซัลเฟอร์ (S): ปริมาณ 1 – 2 กก. ต่อไร
- แคลเซียม (Ca): ปริมาณ 1 – 2 กก. ต่อไร
- แมกนีเซียม (Mg): ปริมาณ 1 – 2 กก. ต่อไร
เพราะฉะนั้นหากเกษตรกรเน้นใส่ปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 เพียงอย่างเดียว ก็จะทำให้ปริมาณธาตุอาหารอื่นๆที่ต้นข้าวต้องการค่อยๆลดลงไปในดิน และเมื่อหมดลงแล้วไม่ได้ถูกเติมกลับมา ผลผลิตของข้าวก็จะลดลงอย่างมีนัยะสำคัญ
อีกทางเลือกที่สามารถทดแทนปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 ได้ดีมากๆ คือการเลือกใช้ปุ๋ย YVP หรือ ปุ๋ยแนนซี่ สูตร 30-0-0 ซึ่งมีปริมาณธาตุอาหารไนโตรเจน (N) ที่สูงไม่แพ้ปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 แต่มีจุดเด่นมากๆคือมีส่วนผสมของทั้งปุ๋ยยุเรีย 46-0-0 และ ปุ๋ย 21-0-0 แอมโมเนียมซัลเฟต และ ธาตุอาหารรองเสริม ได้แก่ ซัลเฟอร์ (S) แคลเซียม (Ca) และ แมกนีเซียม (Mg)
ซึ่งปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต 21-0-0 นั้นมีคุณสมบัติที่ละลายได้ช้ากว่ายูเรีย 46-0-0 เพราะฉะนั้นเกษตรกรที่เลือกใช้ปุ๋ย 30-0-0 ก็จะได้รับประโยชน์จากข้อดีของทั้งปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 และ ปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต 21-0-0 คือทำให้ต้นข้าวได้กินไนโตรเจน (N) อย่างรวดเร็วจากปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 ลำต้นจึงโตเร็ว แตกกอได้เร็ว พร้อมกับ การได้กินปุ๋ยไนโตรเจน (N) อย่างต่อเนื่อง และ ยาวนานมากขึ้น จากปุ๋ย 21-0-0 แอมโมเนียมซัลเฟต ทำให้ต้นข้าวนอกจากจะเขียวเร็วแล้ว ยังเขียวได้อย่างยาวนาน คงทน และ แข็งแรงมากกว่าการใช้ปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 เพียงอย่างเดียว ซึ่งมักจะละลายและหมดฤทธิ์อย่างรวดเร็ว เมื่อประกอบกับ ธาตุอาหารรองเสริม อีก 3 ธาตุ ที่มีผสมอยู่ในปุ๋ย 30-0-0 YVP และ แนนซี่ นั้น ก็จะทำให้ต้นข้าวเจริญเติบโตได้อย่างแข็งแรงจริงๆ เขียวทน เขียวนาน และ เขียวสมบูรณ์
ปุ๋ย 30-0-0 ทางเลือกทดแทนปุ๋ยยูเรีย 46-0-0
นอกจากนี้เกษตรกรจะสามารถสังเกตุเห็นได้ว่าแท้จริงแล้ว ต้นข้าวนั้นมีความต้นการธาตุอาหารโพแทสเซียม (K) ในปริมาณที่สูงมากตลอดการเจริญเติบโตของต้นข้าว เนื่องจากเป็นธาตุอาหารที่มีผลต่อการสร้างรวงข้าว สร้างเมล็ดข้าว ทำให้รวงเต่ง น้ำนักดี ผลผลิตดี และ ยังเป็นส่วนสำคัญในการเจริญเติบโตทั่วไปของนาข้าว ช่วงทำให้ข้าวกินธาตุอาหารไนโตรเจน (N) ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และทำให้ข้าวแข็งแรง ทนต่อความแล้ง สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง วัชพืช และ แมลง ได้ดีมากขึ้น
ข้อมูล การใส่ปุ๋ยในนาข้าว 3 ครั้ง ให้ได้ผลผลิตสูง
ปุ๋ยยูเรียสูตร 46-0-0 มีธาตุอาหารชนิดใดบ้าง
แม่ปุ๋ยสูตร 46-0-0 หรือปุ๋ยยูเรีย มีส่วนประกอบของธาตุอาหารคือ
- ไนโตรเจน (N): 46%
- ฟอสฟอรัส (P): 0%
- โพแทสเซียม (K): 0%
การผลิตปุ๋ยยูเรีย 46-0-0
ปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 ผลิตมาจากกระบวนการทางปิโตรเคมี โดยสกัดออกมาจากแก๊สธรรมชาติ แล้วจึงนำมาปั้นเม็ดเพื่อให้มีความสะดวกต่อการใช้งานทางการเกษตร ประเทศที่สามารถผลิตปุ๋ยยุเรียได้จึงเป็นประเทศที่มีทรัพยากรทางปิโตรเคมี เช่น ประเทศมาเลเซีย ซาอุดิอาราเบีย กาตาร์ บรูไน เป็นต้น
YVP และ แนนซี่ เป็นคู่ค้า และ ตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการกับ บริษัท Petronas ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศมาเลเซีย เจ้าของอาคารชื่อดัง ตึกคู่ (Petronas Twin Tower) เกษตรกรจึงสามารถมั่นใจได้ว่าปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 จาก YVP และ แนนซี่ เป็นปุ๋ยยูเรียคุณภาพสูง มาตรฐานระดับโลก