วิธีใส่ปุ๋ยข้าว 3 ครั้ง สูตรไหนให้ได้ผลผลิตสูง
- ครั้งที่ 1 ช่วงเร่งต้น เมื่อข้าวอายุ 20 – 25 วัน ใส่ปุ๋ยสูตร 30-0-0 หรือ 27-5-5 หรือ 22-4-4 ปริมาณ 25 กก. ต่อไร่
- ครั้งที่ 2 ช่วงแตกกอ เมื่อข้าวอายุ 40 – 45 วัน ใส่ปุ๋ยสูตร 16-8-8 หรือ 19-3-4 หรือ 20-10-5 ปริมาณ 25 – 30 กก. ต่อไร่
- ครั้งที่ 3 ช่วงรับท้อง เมื่อข้าวอายุ 60 -75 วัน ใส่ปุ๋ยสูตร 15-3-21 หรือ 15-5-20 หรือ 20-8-20 ปริมาณ 25 กก. ต่อไร่
การใส่ปุ๋ยข้าว 3 ครั้ง มีส่วนช่วยให้ข้าวได้รับธาตุอาหารครบถ้วน และตรงตามความต้องการที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงการเติบโตของต้นข้าว ทำให้ข้าวแข็งแรง ต้นไม่ล้มง่าย ออกรวงได้ดี รวงเต่ง เต็มเมล็ด น้ำหนักดี ผลผลิตสูง
นอกจากนี้ เทคนิค “เปียกสลับแห้งแกล้งข้าว” ยังเป็นอีกวิธีที่จะช่วยทำให้ต้นข้าวสามารถกินปุ๋ยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยส่งเสริมการแตกกอ การเจริญเติบโตของราก ทำให้ต้นข้าวสมบูรณ์แข็งแรง และ มีความพร้อมในการให้ผลผลิตที่ดีได้
ข้อมูลเพิ่มเติมการใส่ปุ๋ยในนาข้าว:
- ปุ๋ยเร่งต้นข้าว
- ปุ๋ยข้าวแตกกอ
- ปุ๋ยรับรวงรับท้องข้าว
- ปุ๋ย 0-0-60 ใส่นาข้าว
- ปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 ใส่นาข้าว
- วีดีโอยืนยัน ข้าว 102 ถังต่อไร่
- ธาตุอาหารในนาข้าว
- พื้นที่เพาะปลูกนาข้าว
ติดต่อสอบถามราคาปุ๋ยข้าว หรือ วิธีใส่ปุ๋ยในข้าวเพิ่มเติม:
หรือ ติดต่อเรา
สูตรปุ๋ยเร่งต้นในนาข้าว รอบแรก
- ปุ๋ยเร่งต้นนาข้าว สูตร: 30-0-0 หรือ 27-5-5 หรือ 22-4-4
- ปริมาณการใช้: 25 – 30 กิโลกรัม ต่อ ไร่
- ช่วงเวลาที่ใส่: ใส่รอบแรก หลังหว่านเป็นเวลา 15 – 20 วัน ในข้าวเบา และ 20 – 30 วันในข้าวหนัก
- สูตรทางเลือกอื่นๆสำหรับการเร่งต้นข้าว
ข้อมูล: ในช่วงเร่งต้น เร่งการเจริญเติบโตของข้าว ต้นข้าวจะมีความต้องการธาตุอาหารไนโตรเจน (N) สูงที่สุด ซึ่งเป็นธาตุอาหารหลักที่มีส่วนช่วยในการสร้างต้น สร้างใบ เร่งการเจริญเติบโต และ ยังเป็นส่วนประกอบของคลอโรฟิลล์ ซึ่งทำให้ใบเขียว และ มีบทบาทในการสังเคราะห์แสง สร้างพลังงาน ในต้นข้าว
สำหรับแปลงข้าวที่มีความอุดมสมบูรณ์อยู่แล้ว สามารถใช้สูตร 30-0-0 ซึ่งมีธาตุอาหารไนโตรเจน (N) สูง ได้ โดยสามารถใช้ทดแทน แม่ปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 ได้เป็นอย่างดี
โดยจุดเด่นของปุ๋ยสูตร 30-0-0 ในนาข้าวนั้น คือการที่มีส่วนผสมของทั้ง ปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 ที่ละลายเร็ว ร่วมกับ ปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต 21-0-0 ที่ละลายช้า ทำให้ต้นข้าวได้กินธาตุอาหารไนโตรเจน (N) อย่างต่อเนื่อง และ ยังมีส่วนผสมของธาตุอาหารรองเสริมอีกถึง 3 ธาตุอาหาร ได้แก่ ซัลเฟอร์ (S) แคลเซียม (Ca) และ แมกนีเซียม (Mg) ทำให้ต้นข้าวได้รับธาตุอาหารที่ครบถ้วนมากกว่าการใส่ แม่ปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 เพียงอย่างเดียว ทำให้ต้นข้าวเขียวทน เขียวนาน เขียวสมบูรณ์แข็งแรง ทนต่อโรค และ แมลงได้ดีขึ้น และ มีความพร้อมที่จะให้ผลผลิตที่ดีได้ในลำดับถัดไป
สำหรับแปลงข้าวที่มีการทำนาอย่างต่อเนื่อง จะแนะนำเป็นปุ๋ยสูตรที่มีธาตุอาหารครบถ้วนทั้ง 3 ธาตุอาหาร เช่น ปุ๋ยสูตร 27-5-5 หรือ 22-4-4
โดยปุ๋ยสูตร 27-5-5 และ 22-4-4 นั้น จะให้ปริมาณธาตุอาหารที่ใกล้เคียงกับการผสม ปุ๋ย 46-0-0 เข้ากับ ปุ๋ยสูตร 16-8-8 แต่มีความสะดวกในการใช้งานมากกว่าเนื่องจากมีการผสมเสร็จเรียบร้อย และ พร้อมใช้งาน
โดยทั้ง 2 สูตรนี้ นอกจากจะมีปริมาณธาตุอาหารไนโตรเจน (N) ที่สูงแล้ว ยังมีธาตุอาหาร ฟอสฟอรัส (P) และ โพแทสเซียม (K) ในปริมาณที่เหมาะสม พร้อมกับธาตุอาหารรองเสริม ซัลเฟอร์ (S) แคลเซียม (Ca) และ แมกนีเซียม (Mg) อีกด้วย จึงเป็นสูตรปุ๋ยที่มีธาตุอาหารรวมถึง 6 ธาตุอาหาร
เหมาะสมสำหรับแปลงนาข้าวที่มีการทำนาอย่างต่อเนื่อง และ มีแนวโน้มที่จะขาดธาตุอาหารได้ เมื่อเติมธาตุอาหารที่ครบถ้วนเข้าไป ก็จะทำให้ข้าวสามารถดูดซึม และ ลำเลียงธาตุอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เจริญเติบโตได้ดี มีความแข็งแรง สมบูรณ์ ทนต่อโรค แมลง และ สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้ดีมากยิ่งขึ้น และ ส่งผลให้ต้นข้าวมีความพร้อมที่จะให้ผลผลิตที่ดีได้ในลำดับถัดไปนั้นเอง
สูตรปุ๋ยแตกกอในนาข้าว
- ปุ๋ยแตกกอนาข้าว สูตร: 16-8-8 หรือ 20-10-5 หรือ 19-3-4
- ปริมาณการใช้: 25 – 30 กิโลกรัม ต่อ ไร่
- ช่วงเวลาที่ใส่: ใส่รอบสอง หลังหว่านเป็นเวลา 30 – 40 วัน ในข้าวเบา และ 40 – 50 วันในข้าวหนัก
ในช่วงข้าวแตกกอนั้น เป็นช่วงที่ควรเติมธาตุอาหารให้ข้าวครบถ้วนทั้ง 3 ธาตุอาหาร เพื่อให้ข้าวสามารถเติบโตได้อย่างสมบูรณ์แข็งแรง
โดยข้าวในช่วงนี้ จะยังมีความต้องการธาตุอาหาร ไนโตรเจน (N) ในปริมาณมากที่สุด เพื่อใช้ในการสร้างพลังงาน และ เร่งการเจริญเติบโต แต่ในขณะเดียวกัน ข้าวจะเริ่มต้องการธาตุอาหาร ฟอสฟอรัส (P) ในปริมาณที่เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเป็นธาตุอาหารที่มีบทบาทในการสร้างราก เร่งการเจริญเติบโตของราก และ มีผลโดยตรงต่อการแตกกอในนาข้าว และ พืชไร่
ดังนั้นสูตรที่แนะนำในช่วงข้าวแตกกอ จึงเป็นปุ๋ยสูตร 20-10-5 ซึ่งเป็นสูตรที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อทดแทนสูตร 16-20-0 ดั้งเดิม สอดคล้องกับงานวิจัยหลายๆงานที่สนับสนุนว่าข้าวไม่ได้เป็นพืชที่ต้องการธาตุอาหาร ฟอสฟอรัส (P) ในปริมาณมากจนเกินไป แต่ในขณะเดียวกันก็ควรจะมีการเติมธาตุอาหาร โพแทสเซียม (K) ในทุกๆช่วงการใส่ปุ๋ย เพื่อให้ข้าวได้รับธาตุอาหารที่ครบถ้วน
สูตรอื่นๆที่สามารถเลือกใช้ได้เช่นกัน ได้แก่ สูตร 16-8-8 หรือ อีกทางเลือกในการลดต้นทุน คือสูตร 19-3-4 ซึ่งเหมาะสำหรับแปลงนาข้าวที่มีการเติมธาตุอาหารครบถ้วนทั้ง 3 ธาตุตั้งแต่การใส่ปุ๋ยรอบแรกแล้ว และไม่ต้องการใช้ปุ๋ยสูตรสูงอีกครั้งในการใส่ข้าวครั้งที่ 2 ในช่วงแตกกอนี้
สูตรรับรวงรับท้องบำรุงผลผลิตนาข้าว
- ปุ๋ยรับท้อง รับรวง บำรุงผลผลิตข้าว สูตร: 15-3-21 หรือ 15-5-20 หรือ 20-8-20
- ปริมาณการใช้: 25 – 30 กิโลกรัม ต่อ ไร่
- ช่วงเวลาที่ใส่: ใส่รอบสาม หลังหว่านเป็นเวลา 50 – 60 วัน ในข้าวเบา และ 60 – 70 วันในข้าวหนัก
- สูตรปุ๋ยรับรวงข้าว ช่วงข้าวตั้งท้อง ใส่สูตรไหน ให้ผลผลิตดี
ในช่วงของการรับท้อง รับรวง บำรุงผลผลิตข้าวนั้น ต้นข้าวจะมีความต้องการธาตุอาหาร โพแทสเซียม (K) ในปริมาณมากที่สุด ซึ่งเป็นธาตุอาหารที่มีบทบาทโดยตรงในการสร้างรวง สร้างเมล็ด สร้างแป้ง เพิ่มน้ำหนัก ทำให้ข้าวรวงเต่ง เต็มเมล็ด น้ำหนักดี ผลผลิตสูง
นอกจากนี้ ข้าวช่วงตั้งท้อง จะยังมีความต้องการธาตุอาหารไนโตรเจน (N) สูง เพื่อใช้ในการสร้างคลอโรฟิลล์ สร้างพลังงาน เพื่อใช้ในการสร้างเมล็ด แต่ข้าวในช่วงนี้ จะมีความต้องการธาตุอาหาร ฟอสฟอรัส (P) ต่ำที่สุด เนื่องจากได้ผ่านช่วงของการสร้างราก และ แตกกอมาแล้วนั้นเอง
ปุ๋ยรับรวง รับท้องข้าวสูตร 15-3-21 หรือ 15-5-20 หรือ 13-3-21 เป็นสูตรปุ๋ย ที่มีอัตราส่วนธาตุอาหารที่ตอบโจทย์ในการบำรุงผลผลิตต้นข้าวอย่างแท้จริง มีส่วนช่วยในการสร้างเมล็ด บำรุงผลผลิต เพิ่มผลผลิตนาข้าวได้อย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ สูตรอื่นๆที่เป็นทางเลือกสำหรับการรับรวง รับท้องข้าว ได้แก่ ปุ๋ยสูตร 20-8-20 หรือ 22-6-22 ซึ่งเป็นปุ๋ยสูตรสูง ก็สามารถใช้บำรุงผลผลิตนาข้าวได้เช่นกัน โดยมีจุดเด่นคือ มีปริมาณธาตุอาหารไนโตรเจน (N) และ โพแทสเซียม (K) ที่สูง จึงช่วยบำรุงต้น พร้อมบำรุงผลผลิต ไปพร้อมๆกัน ทำให้ต้นข้าวสมบูรณ์แข็งแรง พร้อมมีผลผลิตดีได้
ปุ๋ยโพแทสเซียม 0-0-60 ในนาข้าว
ปุ๋ยโพแทสเซียม (K) 0-0-60 เป็นธาตุอาหารที่ข้าวกินในปริมาณที่มากที่สุด อยู่ที่ประมาณ 20 – 23 กิโลกรัมต่อไร่ โดยเกษตรกรสามารถเลือกใส่ได้ 2 วิธี คือ
- ใส่ในรูปแบบแม่ปุ๋ย 0-0-60 โดยตรง ในปริมาณ 15 – 20 กิโลกรัมต่อไร่ โดยใส่ควบคู่กับปุ๋ย ไนโตรเจน (N) ด้วย เพื่อให้ข้าวได้รับธาตุอาหารที่ครบถ้วน
- ใส่ในรูปแบบปุ๋ยสูตรเชิงผสม เช่น 15-5-20, 15-3-21, 15-5-25, 20-8-20 ในปริมาณ 25 – 30 กิโลกรัมต่อไร่
โดยธาตุอาหารโพแทสเซียม (K) นั้นเป็นธาตุอาหารหลักเพื่อใช้ในการเพิ่มผลผลิตให้นาข้าว มีส่วนสำคัญในการสร้างรวง สร้างเมล็ด สร้างแป้ง เพิ่มน้ำหนัก ทำให้ข้าวรวงเต่ง เมล็ดไม่ลีบ น้ำหนักดี
นอกจากนี้ธาตุอาหารโพแทสเซียม (K) ยังมีความสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมธาตุอาหารไนโตรเจน (N) และ ธาตุอาหารฟอสฟอรัส (P) อีกด้วย
ดังนั้นต้นข้าวที่ขาดธาตุอาหารโพแทสเซียมนั้น จะแสดงอาการเหมือนขาดธาตุอาหารตัวอื่นๆด้วย เนื่องจากต้นช้าว ไม่สามารถดูดซึมธาตุอาหารตัวอื่นๆได้อย่างเต็มที่
นอกจากการใส่ปุ๋ย 0-0-60 ทางดินแล้วนั้น เกษตรกรยังสามารถเติมธาตุอาหาร โพแทสเซียม (K) ให้ต้นข้าวทางใบได้อีกด้วย ซึ่งเป็นอีกทางเลือกที่จะทำให้ข้าวได้รับธาตุอาหารอย่างรวดเร็ว โดยสูตรที่แนะนำคือ
- ปุ๋ยเกล็ด สูตร 0-0-60 ฉีดพ่นทางใบ โดยใช้ปริมาณ 1 กิโลกรัม ละลายน้ำ 200 ลิตร เพื่อฉีดพ่น 5 – 10 ไร่
- ปุ๋ยเกล็ด สูตร 13-5-42 ฉีดพ่นทางใบ โดยใช้ปริมาณ 1 กิโลกรัม ละลายน้ำ 200 ลิตร เพื่อฉีดพ่ร 5 – 10 ไร่
งานวิจัยความสำคัญของปุ๋ยโพแทสเซียมในนาข้าว
ใส่ปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 ในนาข้าว ดีไหม?
ปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 ถือเป็นหนึ่งในทางเลือกหลักของเกษตรกรจำนวนมาก เพื่อใช้ใส่ในนาข้าว โดยเฉพาะในช่วงเร่งต้น และ แตกกอ โดยข้อดีของปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 คือมีปริมาณธาตุอาหารไนโตรเจน (N) ที่สูงมาก แต่ข้อควรระวังในการใช้งานปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 โดยตรงในนาข้าวคือ อาจจะทำให้เกิดการสูญเสียได้ง่าย เนื่องจากปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 นั้นมีอัตราการระเหิดที่ค่อนข้างสูง ประกอบกับเปอร์เซ็นต์ธาตุอาหารที่สูงด้วย หากใช้งานอย่างไม่ระมัดระวังก็จะทำให้เกิดการสูญเสียได้ง่าย
ทาง YVP จึงแนะนำปุ๋ยสูตร 30-0-0 เพื่อการเร่งต้นแตกกอ ในนาข้าว เพราะเป็นสูตรปุ๋ยที่ดึงข้อดีของทั้ง ปุ๋ยยูเรีย 46-0-0 และ ปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต 21-0-0 ออกมาใช้งานได้อย่างเต็มที่ ทำให้มีการสูญเสียที่น้อยกว่า และ ยังมีธาตุอาหารรองเสริม ซัลเฟอร์ (S) แคลเซียม (Ca) และ แมกนีเซียม (Mg) อีกด้วย
ทำให้ข้าวได้รับไนโตรเจน (N) หลายจังหวะ ทั้งจาก ยูเรีย 46-0-0 ที่ละลายเร็ว และ จาก แอมโมเนียมซัลเฟต 21-0-0 ที่ละลายได้ช้ากว่า พร้อมทั้งได้รับธาตุอาหารเสริม ถึง 3 ธาตุ ที่ล้วนแล้วแต่เป็นความต้องการของข้าว ส่งผลให้ต้นข้าวสามารถกินธาตุอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตรงตามความต้องการ เติบโตแข็งแรง มีผลผลิตสูง
คำยืนยันเทคนิควิธีการใส่ปุ๋ยนาข้าว 3 ครั้ง ให้ได้ผลผลิตสูง จากพ่อทองใบผู้ใช้จริง ประสบการณ์กว่า 40 ปี ได้ข้าว 102 ถังต่อไร่ !!:
ปุ๋ย และ ธาตุอาหารที่จำเป็นในนาข้าว
ข้าวมีความต้องการธาตุอาหารทั้งหมด 13 ธาตุอาหาร ในปริมาณที่แตกต่างกัน โดยมี 6 ธาตุอาหารหลักที่ข้าวต้องการอย่างต่อเนื่องในปริมาณมาก ธาตุอาหารที่ข้าวต้องการ สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท ได้แก่
- ธาตุอาหารหลัก ที่ข้าวต้องการในปริมาณมากได้แก่
- ไนโตรเจน (N): ปริมาณ 15 – 20 กก.ต่อไร่
- ฟอสฟอรัส (P): ปริมาณ 3 – 6 กก. ต่อไร
- โพแทสเซียม (K): ปริมาณ 20 – 23 กก. ต่อไร
- ธาตุอาหารรอง ที่ข้าวต้องการในปริมาณปานกลาง ประมาณ 1 – 2 กก. ต่อไร่
- ซัลเฟอร์ (S)
- แคลเซียม (Ca)
- แมกนีเซียม (Mg)
- ธาตุอาหารเสริม ที่ข้าวต้องการในปริมารเล็กน้อย ประมาณ 0.1 กก. ต่อไร่
- โบรอน (B)
- ซิงค์ (Zn)
- ธาตุเหล็ก (Fe)
- คลอไรด์ (Cl)
- แมงกานีส (Mn)
- ทองแดง (Cu)
- โมลิบดีนัม (Mo)
พื้นที่เพาะปลูกนาข้าว
ประเทศไทยมีพื้นที่ในการปลูกข้าว แบ่งเป็น นาปี ประมาณ 60 – 70 ล้านไร่ ต่อปี และ นาปรัง ประมาณ 5 – 10 ล้านไร่ ต่อปี ซึ่งถือเป็นอัตราส่วนที่สูงที่สุดในการทำการเกษตรในประเทศไทยเลยก็ว่าได้
นาข้าวเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของประเทศไทยที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยประเทศไทยมีผลผลิตข้าว ประมาณ 30 ล้านตัน ต่อปี ซึ่งสูงเป็นเป็นอันดับที่ 6 ของโลก
ดั้งนั้นการบริหารจัดการธาตุอาหารในนาข้าว และ การใส่ปุ๋ยในนาข้าว อย่างถูกวีธี มีประสิทธิภาพ จึงเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยเพิ่มผลผลิต และ เพิ่มรายได้ ให้แก่เกษตรกรไทยอย่างยั่งยืน
อ้างอิงข้อมูลจากสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
ผมเห็นข้อมูลหว่านปุ๋ย รอบ1-3 อัตรา 25-30 kg/ไร่ ยกตัวอย่างธาตุ
รอบ1 = 30-0-0 (25-30kg/ไร่)
รอบ2= 20-10-5 (25-30kg/ไร่)
รอบ3= 15-5-20 (25-30kg/ไร่)
ครั้ง1-3 =30%x50kg(1ถุง)÷2=7.5kg
20%x50kg÷=5 kg
15%x50kg÷2=3.75kg
จะได้ N ที่ใช้ทั้งหมดต่อไร่ =7.5+5+3.75
=16kg
มัน Ok ครับ
แต่พอสรุป ตัว K มันย้อนแย้งกันคับ
คือ ควรใส่ 20-23kg ตามนี้
1.ธาตุอาหารหลัก ที่ข้าวต้องการในปริมาณมากได้แก่
-ไนโตรเจน (N): ปริมาณ 15 – 20 กก.ต่อไร่
-ฟอสฟอรัส (P): ปริมาณ 3 – 6 กก. ต่อไร
-โพแทสเซียม (K): ปริมาณ 20 – 23 กก. ต่อไร
รอบ1=0
รอบ2=5% /กระสอบ/50kg คิดเป็นk เนื้อปุ๋ย .05×50÷2=1.25 /ไร่ (หว่าน1/2ลูก ต่อไร่)
รอบ1=0
รอบ2=5% /กระสอบ/50kg คิดเป็นk เนื้อปุ๋ย .05×50÷2=1.25 /ไร่ (หว่าน1/2ลูก ต่อไร่)
รอบ3=20% /กระสอบ/50kg คิดเป็นธาตุk เนื้อปุ๋ย .20×50÷2=5 /ไร่ (หว่าน1/2ลูก ต่อไร่)
รวมธาตุ K 6.25 kg/ไร่
ซึ่งตามระบุจะใช้ 20-23kg/ไร่
เลยงงครับ
สวัสดีค่ะ คุณธนากร ขอบคุณที่ให้ความสนใจในเนื้อหาการใช้ปุ๋ยของ YVP GROUP นะคะ
สำหรับ ไนโตรเจน เป็นธาตุอาหารที่สามารถระเหิด ระเหย และสูญเสีย ได้รวดเร็ว จึงเป็นธาตุอาหารที่ควรเติมให้เพียงพอต่อความต้องการ ในทุกๆรอบของการเพาะปลูก
สำหรับธาตุอาหารโพแทสเซียมนั้น ก็เป็นธาตุอาหารที่มีความสำคัญอย่างมาก และ ข้าวต้องการในปริมาณมาก ซึ่งทางเราก็แนะนำให้มีการใช้งาน ทั้งในรูปแบบปุ๋ยเม็ด และ รูปแบบปุ๋ยเกล็ดฉีดพ่นทางใบ ที่มีโพแทสเซียมสูง
ซึ่งนอกเหนือจากธาตุอาหารที่มาจากการเติมปุ๋ยแล้วนั้น ข้าวยังมีโอกาสได้รับธาตุอาหารโพแทสเซียม จากตอข้าว และ ฟางข้าวเดิม ที่ทิ้งไว้ในพื้นที่ หรือ ดินในบางพื้นที่ในประเทศไทยก็อาจมีธาตุอาหารโพแทสเซียมสะสมเอาไว้อยู่แล้ว (ทำให้บางพื้นที่ ที่มีการแนะนำใส่ปุ๋ยนาข้าวโดยไม่มีการเติมโพแทสเซียมเลย ก็ยังสามารถได้รับผลผลิตที่น่าพอใจได้)
สุดท้ายแล้วการใส่ปุ๋ยให้ถูกต้องเหมาะสมก็ควรมีการพิจารณาลักษณะของต้นข้าวเองด้วย และ หากสามารถทำการตรวจสอบวัดค่าดินได้เป็นระยะ ก็จะทำให้สามารถใส่ปุ๋ย และ เติมธาตุอาหารได้อย่างแม่นยำมากขึ้นค่ะ
หากคุณธนากร มีความสนใจเพิ่มเติม สามารถติดตาม และ ติดต่อ เข้ามาทาง Facebook หรือ Line ได้เช่นกันนะคะ ขอบคุณค่ะ